คุ้นเคยกันอยู่แล้วกับมะนาวลูกกลมๆ ที่ให้รสเปรี้ยวจี๊ดเป็นเอกลักษณ์ แต่มะนาวไม่ได้มีแค่รสชาติที่เป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นเท่านั้น มะนาวที่ไม่ว่าจะเป็นมะนาวพันธุ์ไหนๆ ลูกเล็กหรือใหญ่ก็จัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณสูง
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มะนาว 1 ลูก ให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่ มีคาร์โบไฮเดรต 7.06 กรัม ไฟเบอร์ 1.9 กรัม น้ำตาล 1.13 กรัม โปรตีน 0.47 กรัม ไขมัน 0.13 กรัม และวิตามินซี 19.5 มิลลิกรัม และยังมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ที่สำคัญ ดังนี้
เพราะความเปรี้ยวคือจุดเด่นของมะนาว “วิตามินซี” จึงเป็นเป็นวิตามินหลักที่มีในมะนาว ส่งผลให้การกินมะนาวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย การติดเชื้อต่างๆ ทั้งจากไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อโรคใดๆ
กรดธรรมชาติที่อยู่ในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ส้ม เลมอน มะนาว เกรปฟรุต มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต แต่ขณะเดียวกัน กรดซิตริกนี้ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพฟัน กัดกร่อนฟัน ระคายเคืองต่อผิว และทำให้ท้องเสียได้
เห็นลูกเล็กๆ แบบนั้น ใครจะคิดว่ามะนาวก็ไฟเบอร์ไม่แพ้ผักและผลไม้ชนิดไหนๆ มะนาวจึงมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ ป้องกันท้องผูก ท้องเสีย ลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในการลดน้ำหนัก
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องการธาตุเหล็กเพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงทั้งนั้น เพราะหากมีธาตุเหล็กไม่มากพอ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคโลหิตจางได้ และมะนาว 100 กรัมก็มีธาตุเหล็กให้ 0.6 กรัม แม้จะไม่มากมาย แต่ก็ช่วยเติมเต็มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการได้เช่นกัน
มะนาว 100 กรัม ให้คาร์โบไฮเดรตถึง 7.06 กรัม ซึ่งคาร์โบไฮเดรตมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
แม้มะนาวจะให้ โปรตีนเพียง 0.47 กรัม ก็ยังถือว่าให้จริงไหมค่ะ ซึ่งโปรตีนนั้นจะช่วยบำรุงกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นผม เนื้อเยื่อ ผิวหนัง และมีหน้าที่คอยลำเลียงออกซิเจนในเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ทั้งยังช่วยสร้างแอนติบอดี้ที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ ป้องกันการเจ็บป่วยได้
คุณสมบัติดี มีประโยชน์เพียบขนาดนี้ มิน่าละ มะนาวถึงขายดิบขายดี เพราะกินกันได้ทุกเพศทุกวัยนี่เอง