เทรนด์กินน้ำขึ้นฉ่ายมาแรงไม่หยุดเลยนะคะ ถึงขนาดมี แฮชแทค #celeryjuicecleanse กันเลยทีเดียว ซึ่งหลายคนอาจพอรู้แล้วว่า เทรนด์นี้เกิดจากนักโภชนาการคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Anthony William เจ้าของหนังสือขายดี “Medical Medium” เขาคนนี้พยายามแนะนำให้คนตัวดื่มน้ำขึ้นฉ่ายฝรั่งสกัดวันละแก้ว เพื่อบำบัดรักษาความเจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆ มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะในขึ้นฉ่ายฝรั่งมีกลุ่มเกลือที่ช่วยขับของเสีย ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ รวมถึงขับพวกสารพิษในตับออกมาได้ ซึ่งเสียงจากหลายคนที่กินตามสูตรของเขาบอกว่า สุขภาพดีขึ้น!!
แต่จะใช่กับทุกคนหรือเปล่า??
KC Fresh หาข้อมูลมาและพบว่า ยังไม่มีการวิจัยทางการแพทย์ที่แน่ชัดมาบอกว่า การกินน้ำขึ้นฉ่ายตามสูตรที่เขาแนะนำจะช่วยรักษาได้สารพัดโรคได้จริง แต่ที่พูดได้เต็มปากคือ ขึ้นฉ่ายคือผักที่ดี มีประโยชน์ โดยเฉพาะคุณสมบัติที่มีเส้นใยสูงช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ซึ่งพอดื่มเข้าไปจะทำให้ขับถ่ายได้ดี อิ่มท้อง และในขึ้นฉ่ายมีโฟเลตสูง จึงช่วยบำรุงเลือด บำรุงสมอง ทำให้ไม่ว่าจะสกัดเป็นน้ำ นำมาทำกับข้าว ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอย่างแน่นอน ขอเพียงคุณกินมันเข้าไปอย่างถูกต้องก็พอ
แต่ค่ะแต่...มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ถ้าอยากกินแล้ว สู้ราคาขึ้นฉ่ายฝรั่งไม่ไหวล่ะ ขึ้นฉ่ายไทยหรือขึ้นฉ่ายจีนได้ไหม?
คุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ และที่ปรึกษา “โครงการกินผักผลไม้ดี 400 กรัม” ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้ให้ข้อมูลไว้ใน https://mgronline.com ว่า ผักขึ้นฉ่ายมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง ที่มีความเด่นตรงต้นอวบใหญ่มาก ลำต้นมีความสูงประมาณ 40-60 เซนติเมตร ลำต้นขาวใบเหลืองอมเขียว และ ขึ้นฉ่ายจีน ซึ่งมีขนาดของลำต้นที่เล็กกว่า มีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร และใบค่อนข้างแก่ หากอยากกินน้ำขึ้นฉ่าย จะใช้ขึ้นฉ่ายจีนก็ได้ เพราะคุณสมบัติไม่ต่างกัน
เพียงแต่ขึ้นฉ่ายจีนจะมีความเข้มข้นกว่า เพราะก้านที่แข็ง เรียวยาว ไม่อวบน้ำเหมือนก้านของขึ้นฉ่ายฝรั่ง เวลาคั่นน้ำออกมา ขึ้นฉ่ายฝรั่งจะให้น้ำมากกว่า แต่ขึ้นฉ่ายจีนให้น้ำน้อยกว่า ต้องใช้ปริมาณมาก ซึ่งตามมาด้วยกลิ่นฉุนที่แรงกว่านั่นเอง วิธีการที่จะช่วยให้กินได้ง่ายขึ้นคือ นำผลไม้ชนิดอื่นๆ มากลิ่มกลิ่นและเพิ่มรสชาติ อย่างแครอต แอปเปิ้ล นั่นเอง
ส่วนว่าขึ้นฉ่ายมีประโยชน์ประมาณไหน ลองอ่านดูค่ะ
แต่ไม่ว่าประโยชน์ของขึ้นฉ่ายจะมีมากมายแค่ไหน การบริโภคขึ้นฉ่ายก็ยังมีข้อจำกัดและต้องใช้ความระมัดระวังในการกินเสมอ โดยเฉพาะหากคุณเข้าข่ายต่อไปนี้...
ไม่ว่าจะเลือกกินขึ้นฉ่ายแบบสกัดเอาแต่น้ำ หรือเป็นส่วนหนึ่งในเมนู ยังไงก็อย่าลืมเลือกผักที่ปลอดสารพิษ เป็นผักปลอดภัยได้ยิ่งดี แล้วคุณจะได้รับประโยชน์จากขึ้นฉ่ายแบบเต็มๆ และไร้กังวลแน่นอนค่ะ
----------------------------------------------------------
คุณค่าทางโภชนาการของขึ้นฉ่าย ต่อ 100 กรัม
• พลังงาน 67 กิโลแคลอรี
• คาร์โบไฮเดรต 3 กรัม
• น้ำตาล 1.4 กรัม
• เส้นใย 1.6 กรัม
• ไขมัน 0.2 กรัม
• โปรตีน 0.7 กรัม
• น้ำ 95 กรัม
• วิตามินเอ 22 ไมโครกรัม 3%
• วิตามินบี 1 0.021 มิลลิกรัม 2%
• วิตามินบี 2 0.057 มิลลิกรัม 5%
• วิตามินบี 3 0.323 มิลลิกรัม 2%
• วิตามินบี 6 0.074 มิลลิกรัม 6%
• วิตามินบี 9 36 ไมโครกรัม 9%
• วิตามินซี 3 มิลลิกรัม 4%
• วิตามินอี 0.27 มิลลิกรัม 2%
• วิตามินเค 29.3 ไมโครกรัม 28%
• ธาตุแคลเซียม 40 มิลลิกรัม 4%
• ธาตุเหล็ก 0.2 มิลลิกรัม 2%
• ธาตุแมกนีเซียม 11 มิลลิกรัม 3%
• ธาตุฟอสฟอรัส 24 มิลลิกรัม 3%
• ธาตุโพแทสเซียม 260 มิลลิกรัม 6%
• ธาตุโซเดียม 80 มิลลิกรัม 5%
• ธาตุสังกะสี 0.13 มิลลิกรัม 1%
หมายเหตุ : % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)