4 ชนิดผลไม้ช่วยเติมเต็มสุขภาพดีให้ผู้สูงวัย

ผลไม้ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ อันดับแรกที่ขอแนะนำได้แก่  กล้วยน้ำว้าสุก ที่ถือว่าเป็นยาระบายอ่อนๆ ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุขับถ่ายง่ายขึ้น เพราะกล้วยน้ำว้าสุกช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร และเป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ตามธรรมชาติอีกด้วย

ผลไม้ชนิดต่อมาคือ มะละกอสุก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้แก้ท้องผูก มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีไฟเบอร์สูง ช่วยบำรุงธาตุ แก้ปัญหากระเพาะอาหารอักเสบ ทั้งยังช่วยย่อย ช่วยบำรุงประสาทและสมอง มีคุณประโยชน์ไปทั่วร่างกายทั้งบำรุงหัวใจ มีส่วนต้านโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

มาถึงชนิดที่ 3 ที่หลายบ้านยังลังเลจะจัดให้ผู้สูงวัยกินดีไหม นั่นคือ สับปะรด ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยบรรเทาอาการหวัด แถมยังช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง ป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหงือกช่วยบรรเทาอาการร้อน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เพราะบางคนบอกว่าสับปะรดหวานเกินไป เอาแบบนี้ดีไหมค่ะ เลือกแบบไม่หวานฉ่ำ และกินในปริมาณที่พอดี รับรองว่าปลอดภัย

แก้วมังกร คือผลไม้ฮีโร่ชนิดสุดท้ายที่ขอเชียร์ให้ผู้สูงวัยกินกันค่ะ นอกจากเนื้อแก้วมังกรจะกินง่ายมากๆ แถมเม็ดเล็กๆ สีดำไม่เพียงช่วยเรื่องระบบขับถ่าย แก้อาการท้องผูก แต่ในช่วงอากาศร้อนๆ เมล็ดดำๆ มีพลังมหาศาลเพราะในเมล็ดของแก้วมังกรเต็มไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัวที่มีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงมีส่วนช่วยบรรเทาอุณหภูมิภายในร่างกาย 

นอกจากนี้แก้วมังกรยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาโรคโลหิตจาง เพิ่มธาตุเหล็ก และยังป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง จึงเหมาะมากกับผู้สูงวัยที่อายุย่างเข้าวัยทอง เพราะช่วยบำรุงให้กระดูกแข็งแรง ไม่แตกหรือหักง่าย

อ่านถึงตรงนี้แล้ว คุณอาจสงสัยว่า แล้วจะต้องกินในปริมาณเท่าไหร่

คำตอบคือ ไม่ควรทานมากเกินไป ควรรับประทานอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 6-8 ชิ้น เพราะอาจทำให้ท้องอืด รู้สึกอึดอัดเหมือนอาหารไม่ย่อย และควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน  ลำไย หรือมะม่วงสุก เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ระบบการย่อยอาจทำงานได้ไม่เต็มร้อย หากกินผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมาณสูงๆ ทำให้อาหารถูกย่อยได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงกล้ามเนื้อควบคุมการบีบคลายตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานไม่ปกติจะอาจเกิดการสะสมแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ และปล่อยก๊าซออกมาทำให้ท้องอืด หรือท้องผูกได้ค่ะ